Facebook

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Phonics ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกันเถอะ

Phonics
ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกันเถอะ

การออกเสียงภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับการพูดและการฟังอย่างยิ่ง ถ้าเราออกเสียงไม่ถูกต้อง ผู้ฟังก็จะฟังเราไม่เข้าใจและเราก็จะฟังผู้พูดที่เป็นเจ้าของภาษาไม่เข้าใจด้วย หลายๆครั้งเรามักจะออกเสียงภาษาอังกฤษที่เป็นสำเนียงไทยจนชิน เมื่อต้องพูดกับชาวต่างชาติเราก็จะออกเสียงนั้นๆ ซึ่งทำให้ชาวต่างชาติฟังแล้วงงๆ ไป หรือหลายๆ ครั้งเราไม่ได้ออกเสียงท้ายของคำเพราะไม่เห็นความจำเป็น หรือไม่อย่างนั้นพอออกเสียงถูกต้อง ก็ถูกคนรอบข้างมองว่าดัดจริตไปนั้นเลย เรามาปรับความเข้าใจกันใหม่นะคะถ้าต้องการพูดภาษาอังกฤษก็ต้องพยายามออกเสียงให้เป็นภาษาอังกฤษค่ะ จะสำเนียงไหนก็แล้วแต่ขอความถูกต้องมาก่อนนะคะ ถ้าจะสอนเด็กๆ แล้วยิ่งสำคัญเพราะเขาจะจำในสิ่งที่เราสอนครั้งแรกไม่ยอมลืมเลยหละค่ะ ถ้าสอนถูกแต่แรกก็จะติดตัวเขาไปตลอดเลย

เรามาเริ่มกันจาก A B C กันเลยนะคะ

Alphabet ตัวอักษรภาษาอังกฤษเราทราบกันแล้วว่ามี 26 ตัว
แบ่งเป็น พยัญชนะ 21 ตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Consonants
สระ 5 ตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Vowels

ตัว A ตัว B ตัว C เมื่อเราเรียก คือ เอ บี ซี นั้นคือชื่อของเขาค่ะ แต่เสียงของเขาเราลองมาดูกันนะคะ เริ่มจากสระก่อน

Vowels สระมีทั้งเสียงสั้น และเสียงยาว

สระเสียงสั้น Short A sound เช่นคำว่า apple เราออกเสียงว่า แอพเพิล เสียงของ ตัว A เสียงสั้นจึงเป็นเสียง แอ

Example: hat cat rat fat mat bat

ขอทำความเข้าใจสักนิดว่า การเรียนภาษาอังกฤษผู้สอนพยายามที่จะไม่เทียบกับภาษาไทยลองนึกถึงเด็กฝรั่งเจ้าของภาษาดูนะคะ ว่าเขาไม่รู้ภาษาไทยเขาจะเทียบกับเสียงอะไรเขาก็จะเรียนจากเสียงของแต่ละตัว Alphabet เลยคะ
Short E sound เช่น egg เราอ่านคำนี้ว่า เอ็ก เสียงของ e เสียงสั้นจึงเป็นเสียง เอะ

Example: bed red bell ten hen pen web

Short I sound เช่น ink เราอ่านคำนี้ว่า อิงค เสียงของ i เสียงสั้นจึงเป็นเสียง อิ
Example: pig wig dish fish gift

Short O sound เช่น fox เราอ่านคำนี้ว่า ฟอคส เสียงของ o เสียงสั้นจั้งเป็นเสียง ออ
Example: box ox mop sock lock clock top doll

Short U sound เช่น duck เราอ่านคำนี้ว่า ดัค เสียงของ u เสียงสั้นคือเสียง เออะ
Example: bug bus sub cub truck

สระเสียงยาว นั้นคือตัวที่เราค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเราเรียกชื่อตัวอักษรนั้นๆ อยู่แล้ว ชื่อที่เราเรียก
A E I O U ก็คือสระเสียงยาวนั้นเอง

Long A Sound เช่น Ace เราอ่านว่า เอดส เสียง A เสียงยาวจึงเป็นเสียง เอ
แต่ Long A ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ ด้วย เช่น
_ay tray play spray hay jay

_ai sail snail train rain

_eigh eight weigh
ขอให้สังเกตว่าเสียง egg กับ eight ต่างกันเพราะ egg เป็นสระ e เสียง สั้น แต่ eight เป็น สระ a เสียงยาว

_a เสียงยาวที่ตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียงขอให้ดูตัวอย่าง
Short a sound Long a sound+silente
mad (แอ) made (เอ)
แมด เมด
man mane
แมน เมน
can cane
แคน เคน
hat hate
แฮท เฮท
cap cape
แคพ เคพ

Long E sound เช่น key เราอ่านว่า คี เสียง E เสียงยาวจึงเป็นเสียง อี แต่ Long E ยังมาให้เห็นในรูปอื่น ๆ เช่น

_ee tree three teeth feet meet sheep

_ea meat peanut seal jeans eagle

_ey monkey money donkey

_ie,e he she field shield cookie chief thief

Long I sound เช่น ice เราอ่านว่า ไอส เสียง I เสียงยาวจึงเป็นเสีย ไอ
แต่ Long I ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_ie,y fly my shy pie tie

_igh high night light fight

_ild,ind find kind mind blind wild child

i เสียงยาวตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียง
time write hive five bike

Long O sound เช่น goat เราอ่านว่า โกท เสียง O เสียงยาวจึงเป็นเสียง โอ แต่ Long O ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_oe,oa toe hoe road coat boat toast

_o,ow,old,ost gold crow bowl snow ghost go no old

O เสียงยาวตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียง
rope nose bone home rose hole note

Long U sound เช่น University เราอ่านว่า ยูนิเวอซิตี้ เสียง U เสียงยาว แต่ Long U ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_ui,ew,ue screw suit tube cube huge
glue fuel few use view


พยัญชนะ Consonants

B b ถ้าอยากได้ยินเสียงของตัวอักษร B ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดูนะคะ
bat bird boat bear เราจะได้ยินเสียงของตัว B คือเสียง เบอะ

C c ตัว c จะมี 2 เสียง คือเสียง เบา กับเสียง หนัก
C เสียงเบาจะออกเสียงตามชื่อเขาเลยค่ะ คือ ซี
เช่น Circle ceiling cell central cereal

C เสียงหนักก็ที่เราคุ้นเคย กัน
เช่น cat cow car come cake
เราจะได้ยินเสียงของตัว C คือเสียง เคอะ

D d ลองออกเสียงคำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัวอักษร D
dog door duck doll dance deer drum
เราจะได้ยินเสียงของตัว D คือเสียง เดอะ

F f ลองออกเสียง คำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัว F
fan four fun fish food fly
เสียงตัว f ที่เราได้ยินคือเสียงที่ลมแทรกผ่านฟันบนและริมฝีปากล่างออกมา

G g ตัว g มี 2 เสียง คือเสียง เบา และเสียง หนัก
G เสียงเบา จะออกเสียง เจอะ หรือ ตามชื่อของเขา คือ จี
เช่น Giraffe orange gerbil gel gym
G เสียงหนัก ถ้าเราออกเสียงคำเหล่านี้จะได้เสียง G หนัก คือ เกอะ
เช่น gun go game girl goose ghost good

H h ต้องออกเสียง Hot House Home Hand ham
เสียงที่เราต้องออกเพื่อให้ได้คำเหล่านี้คือ เฮอะ

J j ลองออกเสียงคำเหล่านี้ jump jar jet jug
(ขอให้สังเกตคำว่า jug มีตัว g ลงท้ายต้องมีเสียง g ตามหลังด้วยนะคะ คือเสียง เกอะ แต่ก็ไม่ต้องเป็น จัค-เกอะ ออกมาแรง ๆ แค่ออกเกอะในลำคอก็พอค่ะ)
jam เพราะฉะนั้นเราได้ข้อสรุปหรือยังค่ะว่าคำนี้ออก แจมหรือแยม ถูกต้องค่ะ แจมแน่นอนเพราะเสียงของตัว j คือ เจอะ ส่วนแยมก็ถูกต้องของภาษาไทยค่ะ

K k ลองออกเสียงคำเหล่านี้ kick kite kitchen king kiss
เราจะได้เสียงของ k คือ เคอะ แต่จะเป็นเคอะที่ออกเสียงหนักกว่าเสียง c นะคะ

L l ตัว L ถ้าเราวางตำแหน่ง ลิ้นไว้หลังฟันหน้าด้านในติดกับเพดานเราก็จะได้เสียงของตัว L ที่ ถูกต้องขอให้ลองออกคำเหล่านี้ lion love leg lemon lock look
ขอให้สังเกตุคำที่ลงท้ายด้วย L ก็ต้องออกเสียงด้วยนะคะ เช่น oil ออย-เอิล หรือ style สไต-เอิล

M m จะออกเสียงคำเหล่านี้ moon monkey money man map
เสียงที่เราได้คือเสียง อืม หรือเวลาที่เราทานอะไรอร่อยแล้วทำเสียง อืม อืม นั้นแหละค่ะ

N n ลองออกเสียงนคำเหล่านี้ noon name nail nine new
เสียงที่เราได้คือเสียง นือ ที่ค่อนข้างขึ้นจมูก ลองสังเกตุคำว่า wine เราต้องออกเสียง n ไว้ ข้างท้ายคำด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะได้เสียงของคำว่า Why นะคะ

P p ลองออกเสียงคำเหล่านี้ pan pands paper pocket pen party
เสียง P ที่เราได้คือเสียง เพอะ เสียงท้ายของคำที่ลงท้ายด้วย P ก็ต้องออกเช่นกัน เช่น cup แต่เราไม่ต้องออก คัพ-เพอะ ออกมาขนาดนั้น แค่คุณเปิดริมผีปาก คุณก็จะได้เสียงของคำว่า cup ที่ถูกต้องค่ะ

Q q ลองออกเสียงคำเหล่านี้ queen quiz question quick
เสียง Q ที่เราได้คือ ควะ หรือคล้าย ๆ กับเสียงที่เป็ดร้องนั้นหละค่ะ

R r เสียงของตัว R ถ้าเราจะทำเสียงเหมือนตอนที่เรากลั้วคอตอนเช้า หรือทำเสียงที่เวลาเด็กๆ เล่นรถ แล้วทำเสียง รื่อ รื่อ ก็จะได้เสียงของตัว r ที่ถูกต้องค่ะ rat run rabbit ring road red read คำที่ลงท้ายด้วย r ก็ต้องมีเสียง r ข้างท้ายด้วยนะคะ เช่น คำว่า car river
S s ลองออกเสียงคำว่า sun sit sand sail soap sad
เสียงตัว S ที่เราได้ คือ ซือ แค่เสียงที่ขบฟันไว้แล้วให้ลมผ่านออกมาก็จะได้เสียงของ
s- ce- se ด้วยค่ะ

T t ลองออกเสียงคำว่า tap table talk take taxi
เสียง T ที่เราได้คือเสียง เทอะ แน่นอนคำที่ลงท้ายด้วย t ก็ต้องมีเสียงของ t ด้วยเช่น
pat แพท-เทอะ(เบา) แต่ก็ไม่ต้องออกเสียงท้ายแรงมากจนเป็น แพท-เทอะ นะคะ

V v ถ้าจะให้ได้เสียง V ที่ถูกต้อง ฟันบนกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วออกเสียง เวอ
สังเกตว่าริมฝีปากล่างจะมีความสั่นสะเทือนเช่น van video view violin
คำที่ลงท้ายด้วย v ก็ต้องมีเสียง v ข้างท้ายด้วยนะคะ เช่น คำว่า drive five

W w ตัวอักษรนี้มีชื่อว่า ดับเบิลยู นะคะอย่าไปเปลี่ยนชื่อของเขา
ลองออกเสียง water watch wall way walk wait we
เสียง w ที่เราได้คือ เสียง เวอะ หรือ วะ
ตัวตั้งคำถามทั้งหมดที่เรารู้จักเช่น What Where When Why ก็ออกเสียง w นะคะ

X x เสียงของ x คือเสียง k กับเสียง sที่ออกเร็ว ๆ ติดกัน เช่น x-ray xylophone
เสียง x โดยมากจะลงท้ายคำหลายๆ คำ ที่เรารู้จักแต่ไม่ค่อยยอมออกเสียงกัน
จึงทำให้คำนั้นเสียงเพี้ยนไป เช่น box fox ox

Y y เสียงของ y คือเสียงของคำว่า yes year yellow yesterday you
เราจะได้เสียง เยอะ จากการออกเสียงทุกๆ คำข้างต้น

Z z ตัวอักษรตัวนี้ถ้าคนอังกฤษหรือคนออสเตเลียนจะเรียกว่า แซด แต่คนอเมริกันจะเรียกว่า ซี
แต่ เสียงของตัว z นี้ก็คือเสียงเดียวกันคือ เสียงที่จะมีความสั่นสะเทือนระหว่างลิ้นและเพดาน เช่น เมื่อเราออกคำว่า zoo zebra zero zip zig zag



การออกเสียงภาษาอังกฤษ ยังมีคำที่ออกเสียงเหมือนเสียงควบ เช่น

bl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ black blame blanket blow blind blink block blood blouse blue
สังเกตว่าคำพวกนี้ ต้องออกทั้งเสียง b และเสียง l เช่น ถ้าคุณจะอ่านคำว่า black จะต้องออกเสียงว่า เบอะ-แลค เร็วๆ เป็น แบลค คุณจะไม่ออกแค่ แบค

cl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ clap class claw clay clean clear clever cliff climb clock close cloth clothes cloud clown clue
คำทั้งหมดคุณต้องออกเสียงของ c และเสียงของ l เช่น ถ้าคุณอ่านคำว่า class ก็จะได้เสียงว่า
เคอะ-ลาส เร็วๆ เป็น คลาส ไม่ใช่แค่ คาส

dr_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ drag drain drink draw dream dress drill drip drive drop drum dry
คำทั้งหมดเมื่อคุณออกเสียงจะต้องมีน้ำเสียง d และเสียง r เช่นคุณอ่านคำว่า drink จะได้เสียงว่า
เดอะ-ริงค เร็วๆ ดริงค ไม่ใช่แค่ ดิ้ง

fl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ flag flame flash flat flavor fly float flood flower flu flute
คำทั้งหมดคุณต้องออกเสียงของทั้ง f และ l เช่น เมื่อคุรจะอ่านคำว่า fly จะได้เสียงว่า เฟอะ-ลาย เร็วๆ เป็นฟลาย ไม่ใช่แค่ ฟาย

gr_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ grab grandmother grape grass green grow grill group grow
คำทั้งหมดต้องออกเสียงของทั้ง g และ r เช่นเมื่อเราต้องการอ่านคำว่า grass ต้องออกเสียงว่า
เกอะ-ราส เร็วๆ เป็นกลาส ไม่ใช่แค่ กาส ยังมีอีกหลายคำที่ออกเสียงควบลองช่วยกันหาเพิ่มเติมดูนะคะ

sn_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ snack snail snake sneeze snore snow
คำทั้งหมดต้องออกเสียงทั้ง s และ n ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เนอะ ของทุกๆ คำ

tw_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ twelve twenty twig twin twist
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงทั้ง t และ w ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า เทอะ-เวอะ ของทุกๆ คำ

st_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ stop step stick still sting store stone stir storm story street study strong
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงที่ตัว s และt ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เทอะ ของทุกคำ

ch_ เสียง ch จะเป็นเสียง เชอะ ( สั้นและหนัก ) ซึ่งต่างกับเสียง sh คือเสียง ชู ( ยาวและเบา )
ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดู
cheap sheep
chair share
change shape
cheese sheet
chew shoe

ph_ เสียงของ ph กับ f คือเสียงเดียวกัน ลองออกเสียงคำว่า phone photograph


sq_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ square squash squeeze squirrel
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงทั้ง s และ q ซึ่งเราจะได้เสียงว่า สะ-ควะ ของทุกๆ คำ

th_ เสียง th เป็นเสียงที่ไม่สามารถเทียบได้กับภาษาไทยเลย ถ้าต้องการออกเสียง th ที่ถูกต้องนั้นลิ้นจะต้องอยู่ระหว่างฟันและมีลมแทรกผ่านออกมา เช่น thumb thing think thunder thursday

4 ความคิดเห็น: